วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556

"ความพร้อมด้านการแพทย์ไทย เมื่อก้าวสู่ประชาคมอาเซียน - AC”

ประเทศไทยได้สร้างความตื่นตะลึงให้กับวงการแพทย์ทั่วโลกอีกครั้ง เมื่อแพทย์ไทยเผยผลงานวิจัยเกี่ยวกับการรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีในระยะแรก ว่ามีโอกาสหายขาดได้เมื่อกินยาติดต่อกันไม่เกิน 5 ปี ข่าวนี้ยังคงกรุ่นอยู่ในกระแส เพราะเป็นความภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ของคนไทย ที่เกิดขึ้นยังไม่พ้นเดือนในช่วงเวลาเดียวกัน ประเทศไทยได้จัดเวิร์กชอป "Masterclass Project : Rhinoplasty” ขึ้นครั้งแรกในเอเชีย เพื่อสาธิตวิธีผ่าตัดเสริมจมูกด้วยการปลูกถ่ายไขมันแทนการใช้แท่งซิลิโคน ให้กับแพทย์ศัลยกรรมกว่า 200 คนจากสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง แคนนาดาและอังกฤษ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการประกาศฝีมือหมอไทย ว่าเหนือชั้นกว่าเกาหลี หลังพบว่าชาวต่างชาติมาใช้บริการศัลยกรรมความงามมากกว่า 1.4 ล้านคน/ปี ขณะที่ศัลยกรรมการแปลงเพศ ไทยก็เป็นประเทศเดียวในเอเชียที่สามารถผ่าตัดแปลงเพศได้ทั้งจากชายเป็นหญิงและหญิงเป็นชาย มีชื่อเสียงถึงขนาดต่างชาติเหมาทัวร์กันมาเสริมสวย..ทำหล่อ ประเทศไทยจึงเป็นศูนย์รวมการผ่าตัดแปลงเพศที่ใหญ่ที่สุดของโลกเช่นกัน
ก่อนหน้าเพียงปีเดียว โรงพยาบาลศิริราชก็ได้ประกาศถึงความสำเร็จในการใช้หุ่นยนต์ผ่าตัดข้อเข่าได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ หลังจากที่เคยประสบความสำเร็จในการใช้หุ่นยนต์ดาวินชี่ ผ่าตัดมะเร็งต่อมลูกหมาก โรคในช่องท้อง และการผ่าตัดทางนรีเวชมาแล้วมากมายสำหรับชื่อเสียงและจุดแข็งทางการแพทย์ ที่ทำให้ประเทศไทยมีความได้เปรียบและความพร้อมที่จะเป็นผู้นำทางการแพทย์ในลำดับต้นๆของโลก และเป็นศูนย์กลางสุขภาพ หรือ เมดิคัล ฮับ (Medical Hub) ของภูมิภาค เมื่อก้าวสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งนอกจากแพทย์ไทยจะได้รับการยอมรับด้านความสามารถ ในระดับสากลแล้ว จากข้อมูลของฝ่ายวิจัยธุรกิจ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือเอ็กซ์ซิม แบงค์ ระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน Joint Commission International: JCI Accreditation ของสหรัฐอเมริกา จำนวน 24 แห่ง ถือว่ามากที่สุดในอาเซียน และผ่านมาตรฐานการดูแลสุขภาพในระดับโปรแกรมเฉพาะทางอีก 11 แห่ง เช่น โรคหัวใจ มะเร็งเต้านม โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไต สะท้อนว่าโรงพยาบาลในประเทศไทยมีความโดดเด่นด้านมาตรฐานของสถานพยาบาล



ขณะที่อัตราค่าบริการยังต่ำกว่าประเทศคู่แข่งอย่างสิงคโปร์ ทำให้ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบที่เกื้อหนุนให้สามารถดึงดูดผู้ป่วยต่างชาติเข้ามาใช้บริการรักษาพยาบาลได้มากที่สุดในเอเชีย นำรายได้เข้าประเทศกว่า 120,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งการเดินทางเข้ามาของชาวต่างประเทศ สูงถึงร้อยละ 60 เข้ามาเพื่อรักษาสุขภาพโดยตรง โดยญี่ปุ่นและตะวันออกกลางเป็นลูกค้าที่ใช้บริการสูงสุด และบริการทางแพทย์ที่เป็นที่นิยมเรียงตามลำดับ คือ ตรวจสุขภาพทั่วไป ศัลยกรรมความงาม ทันตกรรม ศัลยกรรมกระดูก และผ่าตัดหัวใจ มีโรงพยาบาลในระดับพรีเมียมที่เป็นหน้าตาของประเทศ คือ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์และกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ ใครเส้นเอ็นฉีกขาด ก็ต้องบินมารักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพ เพราะมีชื่อเสียงดังไปไกลในเรื่องนี้
ก่อนหน้านี้ ประเทศที่ประกาศตัวท้าชิงจะเป็นเมดิคัล ฮับ ทางการแพทย์กับไทย ได้แก่ เกาหลี อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และอินเดีย แต่ขณะนี้ล้มเลิกหมด เช่นกรณีมาเลเซีย ที่เคยดึงดูดชาวยุโรปให้ใช้บริการศัลยกรรมเสริมเต้านม ด้วยโปรโมชั่นแถมที่พักในบรรยากาศหุบเขา แต่การให้บริการเรียกว่าทำได้ไม่ถึง โครงการจึงต้องพับไป จะดังก็คือเกาหลีที่สร้างกระแสการศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าได้แรง แต่หากวัดกันที่จำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่เข้ามารักษา ขณะนี้ยอดชาวต่างชาติที่เข้ารับการรักษาพยาบาลในไทยสูงกว่า 1.4 ล้านคน เรียกว่ามากที่สุดในโลกเมื่อเปรียบเทียบกับยอดคนไข้ต่างชาติในประเทศอื่นๆปัจจุบันผู้ชายเองก็นิยมทำศัลยกรรมเช่นกัน อย่างเช่น การปลูกผม ซึ่งไทยก็มีความเชี่ยวชาญและทำได้รวดเร็วไม่แพ้สหรัฐอเมริกา โดยการนำเซลล์ที่อยู่บริเวณท้ายทอยมาปลูกแทนผมส่วนที่หายไป และนอกจากความเชี่ยวชาญและการประหยัดเวลาที่เป็นจุดแข็งด้านการศัลยกรรมของไทยแล้ว ในเรื่องของค่าใช้จ่ายในไทยก็ยังถูกกว่าประเทศอื่น ๆส่วนเรื่องทันตกรรม ก็เป็นบริการทางแพทย์ของไทยที่กำลังเป็นที่นิยมของต่างชาติ เนื่องจาก ทันตแพทย์ไทยสามารถจัดฟัน ถอนฟัน แล้วทำรากเทียมได้เสร็จภายในวันเดียว โดยคนไข้มีอาการบอบช้ำภายหลังการรักษาน้อย เราจึงถือว่าเป็นหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นในด้านความเชี่ยวชาญงานฝีมือที่ทำได้สวยงามและรวดเร็ว รวมถึงการคำนึงถึงเรื่องการทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ของฟัน เพื่อไม่ให้มีปัญหาติดตามมาอีกด้วยจากความพร้อมในการให้บริการทางการแพทย์ ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นผู้นำในตลาดการแพทย์ของเอเชียอย่างชัดเจน หรือมองอีกนัยหนึ่ง เป้าหมายที่จะก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการแพทย์ของเอเชีย (Medical Hub of Asia) ได้บรรลุผลสำเร็จแล้ว การันดีได้จาก ..ใครที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย สามารถทำฟัน ปลูกผม และแปลงเพศได้ในคราวเดียวกัน.

เรียบเรียง : ปัณญานัตย์ วิเศษสมวงศ์
ส่วนอาเซียน สำนักการประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น